วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม

พระพุทธสกลสีมามงคล

พระพุทธสกลสีมามงคล เป็นพระพุทธรูปปางประทานพร  ประดิษฐานอยู่ที่วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม   ตั้งอยู่บนเขาสีเสียดอ้า  ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2510  เพื่อน้อมเกล้าฯถวายโดยพระราชกุลเป็นพระบรมราชานุสรณ์พิเศษ แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร(รัชกาลที่ 9)  และได้รับพระราชทานนามว่า “พระพุทธสกลสีมามงคล”  ซึ่งคนทั่วไปรู้จักกันดีในนาม   หลวงพ่อขาว  หรือ หลวงพ่อใหญ่

 
 

 

วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม

ตั้งอยู่บริเวณเขาสีเสียดอ้า หมู่บ้านกลางดง ทางฝั่งขวาของทางหลวงหมายเลข ๒ (ถนนมิตรภาพ) ซึ่งนักเดินทางบนถนนมิตรภาพสามารถมองเห็นองค์พระพุทธรูปสีขาวตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนไหล่เขา เมื่อเดินทางมาถึงตรงหลักกิโลเมตรที่ ๑๕๐ มีทางแยกเข้าไปอิก ๒ กิโลเมตร มีถนนลาดยางเข้าไปถึงวัด ซึ่งเมื่อเข้าไปถึงบริเวณภายในวัดสามารถสัมผัสกับความรู้สึกที่สงบ ร่มเย็นเหมาะสำหรับการเข้าไปหยุดสักการะ เปรียบเสมือนหนึ่ง ขอพรในนาทีแรกที่ย่างก้าวสู่ประตูอีสาน วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม เกิดขึ้นจากดำริของ พระอาจารย์ท่านพ่อลี (พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์) ที่ ณ เชิงเขาสีเสียดอ้าไปพร้อมๆ กับ การสร้างพระพุทธรูปไว้บนเนินเขา

การสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ได้ทำการขยายส่วนมาจาก พระพุทธรูป ภ.ป.ร. ซึ่งเป็นพระพุทธรูป ปางประทานพร สำหรับผู้ที่เป็นผู้นำสำคัญในการก่อสร้าง วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม พร้อมกับพระพุทธรูปองค์นี้ คือ พลเอกพงษ์ ปุณณกัณต์ ซึ่งได้เริ่มสร้างตั้งแต่ครองยศเป็นพลโท และตามจารึกปณิธานวัจนะ ซึ่งบรรจุอยู่ภายในองค์พระพุทธรูปบอกไว้ว่า เนื่องจากผู้สร้างได้รำลึกถึงโอวาทของพระอาจารย์ท่านพ่อลี การก่อสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ ซึ่งได้ลงมือสร้างเป็นปฐม เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2510 และ ได้สำเร็จเป็นองค์พระบริบูรณ์ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2512  พระพุทธสกลสีมามงคล สร้างขึ้น เพื่อเป็นการน้อมเกล้าฯ ถวายโดยพระราชกุศล  เป็นพระบรมราชานุสรณ์พิเศษ และได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระนามจาก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทั้งขอพระราชทานพระปรมาภิไธยย่อของ 2 พระองค์ อัญเชิญประดิษฐานที่ฐานพระพุทธรูป และทรงพระราชทานพระนามว่า “พระพุทธสกลสีมามงคล” แต่ผู้คนทั่วไปมักเรียกว่า “หลวงพ่อขาว” บ้าง “หลวงพ่อใหญ่” บ้าง

สำหรับพุทธลักษณะพระพุทธสกลสีมามงคล ซึ่งเป็นพระพุทธรูป ปางประทานพรมีพุทธลักษณะดังนี้     องค์พระตั้งอยู่บนเขาสีเสียดอ้า สูงจากพื้นดิน 112 เมตร หรือ 56 วา ทางซ้ายและทางขวาขององค์พระพุทธรูป ซึ่งหมายถึงพระพุทธคุณของพระพุทธเจ้า 56 ประการ องค์พระสูง 45 เมตร หมายถึง พระพุทธองค์ทรงโปรดเวไนยสัตว์อยู่ 45 พรรษา หรือ เรียกว่า ทำพุทธกิจอยู่ 45 พรรษา ภายหลังที่ได้ทรงตรัสรู้ หน้าตักกว้าง 27 เมตร (13 วา 2 ศอก 1 คืบ) หมายถึง องค์แห่งธุดงค์ค์วัตร 13 ประการ พระเกตุ (โมลี) สูง 7 เมตร หมายถึง โพชฌงค์ 7 องค์แห่งการตรัสรู้ พระกรรณ (หู) ยาว 6.80 เมตร ช่องพระนาสิก (จมูก) มีขนาดกว้างพอถังน้ำมัน 200 ลิตรลอดได้ พระเนตรดำ ขลิบด้วยเมฆพัด (โลหะผสมชนิดหนึ่ง) และดวงพระเนตรฝังมุก ทางเดินขึ้นไปนมัสการพระพุทธสกลสีมามงคล จะมีลักษณะเป็นบันไดขึ้น 2 ด้าน ประกอบกันเป็นรูปใบโพธิ์ ขึ้นไปบรรจบกันที่ องค์พระพุทธรูป

 
บันไดมีทั้งสิ้น 1,250 ขั้น (นับรวมทั้งทางด้านซ้ายและด้านขวา) ซึ่งเท่ากับจำนวนอรหันต์สาวกของพระพุทธเจ้า ที่มาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในวันเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 3 โดยมิได้นัดหมาย อันเป็นการก่อกำเนิดแห่ง “วันมาฆะบูชา”ณ ที่ประดิษฐานพระพุทธสกลสีมามงคล ท่านจะเห็นทางเดินป่าเล็กๆ ทอดยาวขึ้นไปบนเขา เส้นทางสายนี้จะนำท่านไปสู่ถ้ำเมตตา และถ้ำหมี และ ณ ถ้ำหมี นี้เอง เป็นถ้ำที่ หลวงปู่เมตตาหลวง (พระญาณสิทธาจารย์ ) ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม ใช้ในการบำเพ็ญภาวนาอยู่บ่อยครั้ง ด้านบนอันเป็นที่ประดิษฐานองค์พระอยู่สูงจากพื้นดินมากพอควร จึงมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองปากช่องได้อย่างกว้างไกล … ความสงบ ผสมกับอากาศบนนี้ที่เย็นสบาย ความใหญ่โตขององค์พระที่ตั้งโดดเด่นอยู่ ณ ที่นี้ทำให้ต้องแหงนหน้าแบบคอตั้งบ่าหากต้องการดูทั่วทั้งองค์ สามารถสัมผัสได้ถึงสัดส่วนที่งดงามพอเหมาะไร้ที่ติ อันสื่อถึง ความศรัทธาของผู้คน และฝีมือชั้นครูของช่าง

ในการสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ … หลวงพ่อขาวจึงประทับนั่ง ถอดสายพระเนตรเปี่ยมเมตตาลงไปยังบ้านเมือง และผู้คนด้านล่าง ดังจะคอยคุ้มครอง ให้ความร่มเย็นทางจิตแก่ผู้ที่ยังดิ้นรนทางโลก … ปกปัก รักษาทุกสรรพสิ่งที่เข้ามาพึ่งใบบุญ………..